ชวนคุยก่อนเกม: ‘แดงเดือด’ ในวันที่ตารางคะแนนแตกต่างกันไป
ภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปี จากที่ ลิเวอร์พูล เคยลุ้น 4 แชมป์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว กลับกลายเป็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสิทธิจะคว้าสิ่งนั้นมาครอบครองแทน
‘หงส์แดง’ มีฤดูกาลที่กลับตาลปัตรอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากที่จะหมดสิทธิลุ้นแชมป์ในทุกรายการที่ลงแข่งฤดูกาลนี้แล้ว การทำอันดับเพื่อกลับไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ยังเป็นงานที่ท้าทายไม่น้อย เพราะนอกจากจะต้องเก็บชัยชนะในโปรแกรมที่เหลืออยู่แล้ว ยังต้องคอยแข่งให้ สเปอร์ส และ นิวคาสเซิล พลาดให้อีกด้วย
ส่วนด้านของ ‘ปีศาจแดง’ ตั้งแต่ที่ได้ เอริค เทน ฮาค เข้ามาทำหน้าที่กุนซือ ก็มีแต่จะดีวันดีคืน ล่าสุดก็พึ่งคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ซึ่งเป็นโทรฟี่ทางการแรกนับตั้งแต่ปี 2017 เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว
พร้อมกับยังมีลุ้นอีกสองถ้วยเต็มๆ โดยใน FA Cup รอบ 8 ทีมสุดท้าย จะได้เปิดบ้านพบกับ ฟูแล่ม ซึ่งในรายการนี้ ก็เหลือทีมใหญ่อีกทีมแค่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เท่านั้น ส่วน ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ก็เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังจากผ่านด่าน บาร์เซโลน่า มาได้
และกับถ้วยพรีเมียร์ลีก ก็มีคะแนนตามหลัง อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ไม่ไกล เรียกได้ว่าพร้อมจะเป็นตาอยู่โฉบมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ หากทั้งสองทีมด้านบนพร้อมกันพลาดขึ้นมา
ย้อนกลับมาดูที่ ลิเวอร์พูล พวกเขาตกรอบ ‘น้าแอ้ดคัพ’ รวมไปถึงถูก ไบรท์ตัน เขี่ยอีกใน FA Cup และมีสิทธิที่จะหยุดเส้นทาง ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก หลังจากนัดแรกเน่าคาบ้านแพ้ เรอัล มาดริด 2-5 อย่างย่อยยับ
ไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับว่า ‘หงส์แดง’ ที่ตบ ‘ผีแดง’ ไปกลับเมื่อฤดูกาลที่แล้วรวม 9-0 ผ่านมายังไม่ทันจะถึง 365 วัน กลายเป็นว่า ลิเวอร์พูล จะมีคะแนนตามตูด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากถึง 10 คะแนน
แต่อย่างไรก็ตาม เกม ‘แดงเดือด’ ก็ยังคงเป็น ศึกลูกหนัง ที่ไม่ได้สนใจว่า ใครจะมีฟอร์มดีกว่ากัน หรือเก่งกาจมาจากไหน เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเสียงเป่านกหวีดก่อนเกมเริ่มขึ้น ทั้งสองฝั่งจะมีเพียงแค่ 11 นักเตะกับ 22 เท้าในสนามเท่ากัน ต้องมารอดูกันว่า การแข่งขันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครั้งสุดท้ายของฤดูกาลนี้จะจบลงอย่างไรในค่ำคืนนี้
เขียนโดย The Lite Team.